- หน้าหลัก
- เกี่ยวกับโครงการ
- ทำเนียบผู้บริหาร
- นวัตกรรมชุมชน
- นวัตกรรมอาหารเพื่อการเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ (3 สูตรอาหาร)
- นวัตกรรมเครื่องอัดรีดร้อนสำหรับการผลิตอาหารเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
- นวัตกรรมเครื่องปั้นเมล็ดปุ๋ยแบบจานหมุน
- นวัตกรรมเครื่องผสมปุ๋ยแบบประหยัดพลังงานด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชุมชน
- นวัตกรรมเครื่องย่อยวัตถุดิบแบบประหยัดพลังงาน
- นวัตกรรมเครื่องร่อนคัดขนาดเม็ดปุ๋ย
- เตาเผาขยะไร้มลพิษระดับครัวเรือนและชุมชน
- นวัตกรรมทุ่นดักขยะรีไซเคิล
- นวัตกรรมเครื่องยกทุ่นดักขยะรีไซเคิลด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับชุมชน
- นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
- นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สำหรับปุ๋ยอินทรีย์
- นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารทะเล
- นวัตกรรมรูปแบบการตลาดแบบมีส่วนร่วมสำหรับอาหารเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารทางทะเล
- นวัตกรรมการออกแบบและสร้างโรงเรือนอบแห้งผลิตภัณฑ์แปรรูปทางทะเลสำหรับอุตสาหกรรมครัวเรือนบนพื้นที่ที่จำกัด
- นวัตกรรมคู่มือการจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วม
- แบบนวัตกรรมเครื่องจักร
- คลังภาพ
- KM
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 1 สูตรอาหารกุ้ง
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 2 เครื่องผลิตอาหารสัตว์น้ำ
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 3 ระบบผลิตปุ๋ยอินทรี
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 4 เตาเผาขยะ
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 5 ทุ่นดักขยะ
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 6 บรรจุภัณฑ์
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 7 การตลาด
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 8 โรงอบแห้ง
- ชุมชนนวัตกรรม โครงการย่อยที่ 9 การจัดการ
- หลักสูตรพัฒนานักนวัตกร
- คู่มือการใช้งาน
- ติดต่อเรา
- ไทย
นวัตกรรมเครื่องปั้นเมล็ดปุ๋ยแบบจานหมุน
1. ความเป็นมา
จังหวัดเพชรบุรีตั้งอยู่ในพื้นที่ของภาคกลางตอนล่างเป็นพื้นที่ราบชายทะเลของแม่น้ำเพชรบุรีตอนปลาย ชายฝั่งทะเลบริเวณนี้จึงเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งของจังหวัดเพชรบุรี ประชาชนในพื้นที่ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ยึดอาชีพหลัก คือ 1.อาชีพเกษตรกรรม 2.อาชีพทำขนมหวาน 3.ประมงชายฝั่งและบนฝั่ง หากพิจารณาถึงการทำเกษตรกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกข้าว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาชีพหลักของเกษตรกรในตำบลท่าแร้งออก ดังภาพที่ 1 เนื่องจากปัจจัยด้านต้นทุน ราคาขายและสิ่งแวดล้อมของตำบลท่าแร้งออก ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตของข้าวหลังการเก็บเกี่ยวจะมีความสมบูรณ์และมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการให้สารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ ประกอบด้วยปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี ดังภาพที่ 2 ปุ๋ยที่เกษตรกรเลือกใช้เป็นปุ๋ยสูตรสำเร็จขึ้นอยู่กับอายุของข้าวที่ทำการปลูก ปุ๋ยสูตรดังกล่าวเกษตรกรสามารถซื้อได้จากร้านค้าการเกษตรทั่วไปทั้งในอำเภอบ้านแหลมและอื่น ๆ ในการประมาณการต้นทุนของการปลูกข้าว ถูกแบ่งออกเป็น 4 ต้นทุนหลักเรียงตามระดับ ดังนี้ ต้นทุนพันธ์ข้าวต้นทุนปุ๋ย ต้นทุนแรงงานและการบำรุงรักษา การลดต้นทุนการผลิตจึงมีผลโดยตรงกับเศรษฐกิจฐานรากของเกษตรกร
ภายหลังการลงสำรวจพื้นที่และข้อมูลของคณะผู้วิจัยและคณะผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนตำบล ท่าแร้งออก ดังภาพที่ 3 พบว่า มีความต้องการนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์สำหรับการเกษตรอินทรีย์ที่มีความเหมาะสมต่อพันธุ์ข้าว ที่ง่ายต่อการใช้งานและการบำรุงรักษา สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตัวเองในระดับท้องถิ่น เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์สามารถหาได้ในท้องถิ่นด้วยการใช้ประโยชน์จากเศษผลผลิตทางการเกษตรและมูลสัตว์ ด้วยหากชุมชนสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้เองจะทำให้สามารถลดต้นทุน ในการปลูก และเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ทางคณะผู้วิจัยเล็งเห็นว่า การเสริมสร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จากการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์สำหรับการเกษตรอินทรีย์ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งและยังสามารถ ตอบโจทย์ความต้องการด้านเทคโนโลยีเพื่อสร้างความเข้มแข็งของคนในชุมชนและการสร้างสังคมแห่งความสุข
2. บริบทปัญหาเชิงพื้นที่
1) ปัญหาเรื่องปริมาณน้ำ ภายใต้ข้อมูลที่มาจากการเสวนาพูดคุยกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในอาชีพทำนา (กลุ่มนาแปลงใหญ่) พบว่าปริมาณและคุณภาพของน้ำที่ใช้ในการทำนาไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ เนื่องจากตำบลท่าแร้งออกเป็นพื้นที่ราบลุ่มมีความลาดเทจากด้านทิศตะวันตกไปสู่ด้านทิศตะวันออก ได้รับน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรี อีกทั้งยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ทำให้เกษตรกรทำนาได้เพียง 1-2 ครั้งต่อปีเท่านั้น
2) ปัญหาด้านต้นทุนการทำนาที่สูงขึ้น สำหรับต้นทุนการทำนาที่สัดส่วนต้นทุนได้แก่ ต้นทุนค่าพันธุ์ข้าว ค่าจ้างไถทำเทือก ค่าจ้างหว่าน ยาฆ่าหญ้าป้องกันแมลงและศัตรูพืช ค่าจ้างฉีดยา ปุ๋ยเคมี ค่าแรงการเก็บเกี่ยว ค่าบรรทุก และค่าเช่านา ซึ่งต้นทุนทั้งหมดสูงถึง 4,500-5,000 บาท/ไร่ จากข้อมูลของการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ปลูกข้าวนาแปลงใหญ่
3) ปัญหาด้านการเสื่อมสภาพของดินและความถดถอยของผลผลิต สืบเนื่องจากการใช้ปุ๋ยเคมีในการ ทำนามาเป็นเวลาอันยาวนาน ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ให้เหตุผลไปถึงว่า ปุ๋ยเคมีสามารถให้ผลผลิตที่เร็วกว่าปุ๋ยอินทรีย์ ประกอบกับการซื้อขายที่ง่าย นอกจากนี้ ยังสามารถนำปุ๋ยมาใช้ก่อนแล้วจึงนำเงินไปชดใช้ภายหลังการเก็บเกี่ยวได้ ด้วยเหตุนี้ ดินและน้ำที่ใช้ในการปลูกข้าวจึงเกิดการเสื่อมสภาพและมีสารเคมีตกค้าง มากไปกว่านั้น เกษตรกรผู้ทำนาส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในวิธีการตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพดินและน้ำเบื้องต้น รวมไปถึงไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เป็นของส่วนตัวหรือของกลุ่มผู้ปลูกข้าว ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์ทำให้ทราบว่า โอกาสการใช้เครื่องมือเพื่อวัดคุณภาพดินและน้ำต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากรัฐผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแร้งออกเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น คุณภาพของดินที่ถูกทับถมด้วยเคมีส่งผลกระทบโดยตรงกับปริมาณผลผลิตที่ค่อนข้างถดถอยลง เนื่องจาก ชาวนาไม่มีการพักดินปลูกข้าวจากสาเหตุที่เชื่อมโยงกันระหว่างปริมาณของน้ำที่ไม่เพียงพอทำให้ต้องเร่งปลูกข้าวต่อในรอบที่ 2 ของปี ภายหลังจากการลงพื้นที่ คณะผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลองวัดคุณภาพดินและน้ำในพื้นที่ปลูกข้าวตามภาพที่ 4
3. วัตถุดิบในพื้นที่ (อธิบายเชื่อมโยงแหล่งวัตถุดิบ ระบุแหล่งซื้อขายวัตถุดิบ ถ้ามี)
วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตที่มีและพบในพื้นที่ได้แก่ มูลสัตว์ ซากสัตว์ และเศษวัชพืช มูลสัตว์นั้นได้จากการเลี้ยงสัตว์ในชุมชนเพื่อนำไปแปรรูปได้แก่ วัว แพะ และไก่ ซากสัตว์ที่เหลือทิ้งจากการแปรรูปอาหารทะเล และเศษวัชพืชที่เหลือทิ้งจากการทำการเกษตร
4. แนวทางการออกแบบนวัตกรรม แสดงภาพอธิบายการทำงานเบื้องต้น
- ต้องมีเครื่องจักรที่สามารถแปรรูปวัตถุดิบได้ทุกประเภท โดยต้องพิจารณาขนาดของวัตถุดิบ และควรเป็นวัตถุดิบที่หาได้จากชุมชน
- ต้องเป็นเครื่องจักรที่สามารถปั้นปุ๋ยให้เป็นเม็ดกลมที่มีลักษณะเป็นจานปั้น ที่สามารถปรับตั้งมุมเอียงของจานปั้น และเพิ่มความชื้นให้กับวัตถุดิบที่จะนำมาทำปุ๋ยได้
- ต้องพิจารณาขนาดของจานปั้น วัสดุที่ใช้ รูปทรงของปุ๋ย และปริมาณการผลิต
- ต้องเป็นเครื่องจักรที่ออกแบบ การใช้งานและบำรุงรักษาได้ง่าย อีกทั้งชิ้นส่วน/อะไหล่ จะต้องหาได้ง่ายในชุมชน
หมายเหตุ การออกแบบเครื่องจักรในระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ด้วยแบบจำลองอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งานจริง
5. นวัตกรรมที่นำมาใช้ แสดงภาพแบบจำลองพร้อมคำอธิบายการทำงานเบื้องต้น
สำหรับผลการสร้างเครื่องจักรจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ติดตั้ง ลักษณะการใช้งาน และกำลังการผลิต ซึ่งคณะผู้วิจัยมีการปรับเปลี่ยนรูปร่างภายนอกและการวางอุปกรณ์ทำงานบางอย่างเพื่อความเหมาะสม หากแต่ยังคงไว้ซึ่งหลักการทำงานที่ก่อให้เกิดผลผลิตเช่นเดิม ผลการสร้างจริงนวัตกรรมระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์
เครื่องปั้นเม็ดปุ๋ย หลักการปั้นนเม็ดปุ๋ยด้วยจานจะอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกที่ดึงดูดวัตถุที่มีมวลหรือน้ำหนักให้วิ่งเข้าหาศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดเป็นขบวนการปั่นเม็ดปุ๋ยที่ต่อเนื่องจึงใช้วิธีหมุนจานและปล่อยวัตถุลงบนผิวจาน ขณะที่จานกําลังหมุนก็จะกลิ้งบนผิวจานระหว่างนั้นสเปรย์น้ำลงไป จนวัตถุดิบได้ ความชื้น และเริ่มเกาะตัวเป็นเม็ด โดยจานจะแบ่งพื้นที่เป็น 2 วง วัตถุดิบจะถูกโปรยลงวงในและใช้สเปรย์น้ำในวงใน ดังนั้นการก่อตัวเกิดเม็ดปุ๋ยจะทําขึ้นที่วงด้านใน ส่วนพื้นที่วงนอกถูกใช้สำหรับเก็บงานปั้นผิวเม็ดปุ๋ยให้กลมเนียนปล่อยให้เม็ดปุ๋ยล้นขอบจานด้านล่างและร่วงออกจากจานสู่ภาชนะรองรับ
6. สรุปผลการวิจัย
ผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และขอบเขตโครงการ
1) เกิดนวัตกรรมภายใต้เทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับชุมชน คือ นวัตกรรมระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องจักร 4 ตัว ได้แก่ เครื่องบดวัตถุดิบ เครื่องผสมวัตถุดิบ เครื่องปั้นเม็ดปุ๋ย และเครื่องคัดเม็ดปุ๋ย โดยเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียของชาวนากลุ่มนาแปลงใหญ่ของตำบลท่าแร้งออก ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ทั้งนี้ ในการวิจัยมีกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มเป้าหมายเห็นเชิงประจักษ์ ว่าวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยให้มีความเหมาะสมกับคุณภาพของดิน
2) มีนักนวัตกรชาวบ้าน 3 ระดับ 8 ราย ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการพัฒนาคุณภาพคน จากหลักสูตรที่สร้างขึ้นในโครงการ ประกอบด้วยระดับนโยบาย 1 คน ระดับปฏิบัติการ 6 คน และระดับถ่ายทอดความรู้ 1 คน ซึ่งเหล่านักนวัตกรชาวบ้านทั้ง 8 คนนี้ ถือเป็นผู้ขับเคลื่อนความยั่งยืนของชุมชนด้วยตนเองในอนาคต รวมไปถึงการนำนวัตกรรมแบ่งปันไปใช้กับชุมชนอื่น ๆ ได้อีกด้วย
3) เกิดภาพนำทางเบื้องต้นของรูปธรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการลดรายจ่ายในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นอินทรีย์ที่สามารถลดต้นทุนได้ร้อยละ 10.2 นอกจากนี้ ความรู้ที่ได้รับการพัฒนาและเครื่องมือนวัตกรรม สามารถใช้เพิ่มพูนมูลค่าในรูปแบบการปรับเปลี่ยนการผลิตจากปุ๋ยปลูกข้าวเป็น ปุ๋ยปลูกพืช หรือไม้ดอกไม้ประดับ ที่มีรูปแบบคล้ายกันทางกายภาพ
ผลสำเร็จการสร้างต้นแบบการเรียนรู้และนวัตกรรม (Learning and innovation platform)
องค์ประกอบทั้ง 5 ของการสร้างต้นแบบการเรียนรู้ถูกดำเนินการเป็นรูปธรรมและส่งมอบโอกาสเข้าสู่ชุมชนเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ต้นแบบดังกล่าวมีการนำไปเสนอต่อคณะผู้บริหารจังหวัดเพชรบุรีเพื่อเป็นกลไกเชื่อมโยงการพัฒนาต่อไป
การประเมินผลกระทบทางสังคม (SROI)
ภายหลังการประเมินผลกระทบทางสังคม ที่พิจารณาจากการอบรมพัฒนานักนวัตกรจำนวน 6 หลักสูตร ด้วยการประเมิน ความรู้ที่ได้รับ การนำความรู้ไปเผยแพร่ และการประยุกต์ใช้ความรู้ ภายใต้งบประมาณที่จัดอบรมพัฒนา ซึ่งผลกระทบทางสังคมมีค่า 3.42 เท่า หรือ การลงทุน 1 บาท มีผลตอบแทนกลับมาทางสังคม 3.42 บาทนั่นเอง
ทีมนักวิจัย
นายพิเชษฐ์ บุญญาลัย
นักวิจัย
นายพิเชษฐ์ บุญญาลัย
นักวิจัย
โครงการย่อย : การออกแบบและสร้างระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์สำหรับการเกษตรอินทรีย์
หน่วยงาน : คณะวิศวกรรมศาสตร์
- Phone:0-2836-3000 ต่อ 4138
- Email:tiew_pichest@hotmail.com
ผศ. ว่าที่เรือตรี ดร.ทรงวุฒิ มงคลเลิศมณี
นักวิจัย
โครงการย่อย : การออกแบบและสร้างระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์สำหรับการเกษตรอินทรีย์
หน่วยงาน : สถาบันวิจัยและพัฒนา
- Phone:02-665-3777 ต่อ 6642
- Email:songwut.m@rmutp.ac.th
นายพลรัชต์ บุญมี
นักวิจัย
นายพลรัชต์ บุญมี
นักวิจัย
โครงการย่อย : การออกแบบและสร้างระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์สำหรับการเกษตรอินทรีย์
หน่วยงาน : คณะวิศวกรรมศาสตร์
- Phone:+1 (859) 254-6589
- Email:info@example.com
นายศิริพล ทองอ่อน
นักวิจัย
นายศิริพล ทองอ่อน
นักวิจัย
โครงการย่อย : การออกแบบและสร้างระบบผลิตปุ๋ยอินทรีย์สำหรับการเกษตรอินทรีย์
หน่วยงาน : คณะวิศวกรรมศาสตร์
- Phone:+1 (859) 254-6589
- Email:info@example.com
ให้คะแนนนวัตกรรมนี้
คลิกที่ดาวเพื่อให้คะแนน
คะแนนเฉลี่ย 4.8 / 5. จำนวนการโหวต: 20
No votes so far! Be the first to rate this post.